วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

หุ้นทำเงินให้เราได้อย่างไร?



ในยุคสมัยนี้คนรุ่นใหม่ๆเริ่มจะหันมาสนใจการเล่นหุ้น ลงทุนในหุ้น โดยฟังจากข่าว บทความ หรือฟังเล่าต่อๆมาว่าเล่นหุ้นแล้วจะรวยได้กำไร คงจะมีคำถามสงสัยคาใจอยู่ไม่น้อยว่าแล้วไอ้การเล่นหุ้นนี่เล่นอย่างไรทำกำไร ทำเงินให้เราได้อย่างไรกันแน่

โดยหลักแล้วการเล่นหุ้นจะทำกำไรให้เราได้ 2 แบบคือ

1.ซื้อถูกขายแพง - ง่ายๆตามเล่นกันตามหลักการส่วนต่างของราคา ซื้อของถูกแล้วมาขายในราคาที่แพงกว่า เรียกได้ว่าเป็นพวกนักเล่นหุ้นแบบ เก็งกำไร ให้คุณจิตนาการว่าคุณเป็นพ่อค้ารับของมาแล้วขายในราคาที่แพงกว่าเดิม คราวนี้มองว่าหุ้นเป็นสินค้า ราคาขึ้นลงทุกวัน หากจับถูกเวลาและปล่อยขายในราคาที่ดีกว่าก็สร้างกำไรได้ไม่น้อย ซึ่งสินค้าหุ้นตัวนี้ไม่มีเน่าเสีย ไม่มีบูด ไม่มีหมดอายุ (ยกเว้นบริษัทล้มละลาย ซึ่งเป็นไปได้ยากมากสำหรับบริษัทระดับมหาชน) เพราะฉะนั้นหากคุณๆมีเลือดพ่อค้าอยู่ในตัวแล้วละก็ลองมาซื้อขายในตลาดหุ้นดูหน่อยก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย

ภาพตัวอย่างการสร้างกำไรจากหุ้นโดยลงทุนเงิน 50,000 บาท
ซื้อสินค้า(หุ้น) BBL ณ ราคา 178 และขายที่ราคา 188 กำไร 2,760 (ซื้อถูกขายแพง)



2.รับปันผล - การรับปันผลนี้ส่วนคนส่วนใหญ่จะเลือกบริษัทดีดีและถือยาว ไม่สนใจว่าราคาจะขึ้นหรือตกเน้นถือยาวกินปันผลเรื่อยๆซึ่งก็มีหลายๆบริษัทให้ปันผลดีงามไม่ว่าจะ 5%,6%,7% หรืออาจถึง 10% ต่อปีซึ่งหากเทียบกับการฝากธนาคารกลับได้แค่ 2.75% ต่อปี(ฝากประจำ) ซึ่งต่างกันเท่าตัว ทั้งที่หลักการเหมือนกันคือเอาเงินไปฝาก กับเอาเงินไปซื้อหุ้น หลายคนอาจแย้งว่าฝากประจำเวลาต้องใช้เงินถอนง่ายกว่า ซึ่งถ้ามองกลับไปยังหุ้น ถ้าคุณลือกถูกตัวและเข้าถูกเวลา พอร์ตคุณยากมากที่จะติดลบนั่นคือสามารถขายหุ้นทิ้งรับเงินทันทีได้เช่นกันและยังอาจจะได้กำไรอีกต่อจากส่วนต่างราคาดังเช่นวิธีซื้อถูกขายแพงอีกด้วย


และนี่คือ 2 วิธีหลักๆในการทำกำไรจากหุ้นแต่ขอให้จำไว้ 1 อย่างการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงนั่นสามารถลดลงได้ด้วยข้อมูลและความรู้ของคุณเอง
Read More

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

รู้จักตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI)



เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้จักตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กันดีอยู่แล้วบทความนี้จะมาแนะนำทำความรู้จักกับอีกตลาดหนี่งนั่นก็คือตลาด เอ็ม เอ ไอ (MAI)

ตลาด เอ็ม เอ ไอ (ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกย่อว่าตลาด MAI) นั้นถูกจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2544 ซึ่งถือว่าไม่นานเลยหากเทียบกับตลาด SET ที่เปิดตั้งแต่มี 2518 โดยจุดประสงค์นั้นก็คือการทำหน้าที่เป็นตลาดทุนโดยมีหลักการทั่วไปเหมือนตลาด SET ทุกอย่างโดยความแตกต่างคือจะเน้นไปที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเนื่องจากว่า ตลาด SET นั้นมีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวด (บริษัทที่จะเข้าไปใน ตลาด SET ได้นั้นต้องขนาดใหญ่ ทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 300 ล้าน พร้อมกับมีหลักเกณฑ์, ข้อกำหนดเยอะแยะและยุ่งยากมาก)

ดั้งนั้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึง SMEs ได้มีโอกาสระดมทุนจึงได้มีการก่อตั้งตลาด MAI ขึ้นมาโดย ลดผ่อนกฏเกณฑ์ต่างๆลงและทุนจดทะเบียนที่ลดเหลือแค่ 40 ล้าน

สิ่งที่น่าสนใจของตลาด MAI นั่นคือราคาหุ้นส่วนใหญ่จะต่ำ (ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 10 บาทต่อหุ้นแลอีกหลายๆตัวที่ราคาต่ำบาท-บาทกว่าๆ) ดังนั้นหากจับหุ้นได้ถูกตัว กิจการรุ่งเรืองและเติบโตได้อย่างดีการจะได้กำไรแบบก้าวกระโดดก็ไม่ได้ยากเกินไปเลย แต่ข้อดีนั้นก็แลกมาด้วยความเสี่ยงคือจำนวนการซื้อขายอาจจะไม่มาก บางทีราคาอาจจะนิ่งนาน ไม่เหมือนตลาด SET ที่คึกคัก และมีความมั่นคงที่ต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่จากตลาด SET นั่นเอง

ภาพของหุ้นกลุ่มอสังหาของตลาด MAI สังเกตว่าหุ้นราคาเกิน 10 มีแค่ตัวเดียว

(ภาพจาก http://www.mai.or.th/mai/sectorquotation.do?locale=th_TH)

Read More

สอนเล่นหุ้นออนไลน์ (2) วิธีใช้ Streaming Pro



ต่อจากบทความที่แล้วคือ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ (1) เมื่อเปิดบัญชีจนสามารถเข้า Streaming Pro ได้แล้วก็มาดูวิธีการใช้ Streaming Pro กันครับ

Streaming Pro ก็คือโปรแกรมสำหรับการเทรดหุ้นออนไลน์นั่นเอง โดยจะสอนการใช้ด้วย Clip บน Youtube เพื่อให้เห็นภาพชัดและเข้าใจง่ายขึ้นพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย


(เพื่อความคมชัด สามารถกดขยายและดูแบบ 720HD ได้ครับ )


Read More

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

รู้จักหุ้นบลูชิพ (Blue-Chip)


หุ้นบลูชิพ (Blue-chip) คำนี้มีที่มาจาก บ่อนการพนันในวงการพนันคาสิโน เหรียญฟ้าหรือ Blue-chip คือเหรียญที่มีมูลค่ามากที่สุด ราคาแพงที่สุด หากนำมาเปรียบเทียบกับหุ้นก็เหมือนกับหุ้นชั้นดีที่แข็งแกร่งมากๆนั่นเอง

หุ้น Blue-chip มีหลายความหมายหลายนิยามแต่จะมีจุดร่วมที่เหมือนกันได้แก่
  1. เป็นหุ้นบริษัทชั้นดี มั่นคง 
  2. บริษัทเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
  3. เป็นผู้นำตลาด
  4. มีความสามารถในการแข่งขันสูง
  5. สถานะทางการเงินมั่นคง
  6. เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  7. รักษาผลกำไรได้ในทุกช่วงเศรษฐกิจ
  8. มีการปันผลอย่างสม่ำเสมอ
  9. ผู้บริหารมีหลักธรรมาภิบาล
  10. ส่วนใหญ่จะอยู่ใน SET 50
ตัวอย่างหุ้นบลูชิพในไทยเช่น PTT , SCC , CPF เป็นต้น

ข้อดีของการเข้าซื้อหุ้นบลูชิพคือเราไม่จำเป็นจะต้องนั่งเฝ้าหน้าจอหรือติดตามราคาตลาดตลอดเวลาเนื่องจากหุ้นบลูชิพส่วนใหญ่แล้วราคาจะมั่นคงไม่ค่อยขยับหวือหวามาก ถึงมีข่าวร้ายมีการเทขายจนราคาลงหนัก แต่หากหุ้นตัวนั้นยังคงมีพื้นฐานที่ดีราคามันก็จะย้อนกลับมาตามพื้นฐานอย่างแน่นอน

ฟังดูแล้วเป็นเหมือนเป็นหุ้นในฝันของนักลงทุนแนวเน้นคุณค่า (VI) เลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน
  1. ราคาหุ้นสูง เนื่องจากหุ้นดีคนต้องการเยอะราคาก็จะสูงตามหลัก Deman-Supply
  2. การสวิงราคาไม่ค่อยหวือหวาไม่เหมาะกับนักลงทุนแบบเก็งกำไร
สิ่งสำคัญสำหรับการเข้าซื้อหุ้นบลูชิพนั่นคือเราต้องมองมูลค่าที่แท้จริงให้ออก ไม่ใช่มองแต่ว่าหุ้นนี้ดีแล้วซื้ออย่างเดียวโดยไม่มองว่าราคานี้แพงเกินไปหรือเปล่าเพราะถึงแม้จะบอกว่าเป็นหุ้นดีเพียงใดหากซื้อผิดราคาก็ดอยยาวๆได้เหมือนกันครับ
Read More

หุ้นปั่น High risk High return



หลายคนคงรู้ว่านักลงทุนในตลาดหุ้นแบ่งหลักๆได้ 2 สายคือ
  1. สายเทคนิค วิเคราะห์กราฟ เล่นระยะสั้น เล่นรายวัน (Day Trade) รายสัปดาห์ รายเดือน
  2. สาย VI การลงทุนแบบเน้นคุณค่า มองมูลค่าที่แท้จริงแล้วเข้าซื้อเมื่อราคาเหมาะสม
ลองมารู้จักอีกสายหนึ่งซึ่งมีนักเล่นทางด้านนี้อยู่จริงๆนะครับนั่นคือ

     3. นักเล่นหุ้นปั่น

บทความนี้ไม่ได้จะมาสอนวิธีเล่นหุ้นปั่นนะครับเนื่องจากเป็นวิธีที่ยากที่สุดใช้ความเก๋าเกมล้วนๆ ต้องลองผิดลองถูกหาประสบการณ์เองครับ แต่เราจะลองมาดูผลตอบแทนอันน่าเหลือเชื่อของ หุ้นปั่น กัน

ขึ้นชื่อกันว่าหุ้นปั่นหลายๆคนคงร้องยี้และอยากเดินหนีห่างให้ไกลๆ แต่ถ้าลองมาศึกษามันดูละก็จะเห็นว่าผลตอบแทนของมันช่างหอมหวานยั่วยวนชวนให้มือสั่นอยากจะลองซื้อดูเหลือเกิน โดยผมขอยก 1 ตัวที่มาแรงที่สุดในปี 2014 ขึ้นมาดูกันนะครับนั้นก็คือหุ้น ABC (ชื่อนี้จริงๆครับไม่ใช่ชื่อสมมุติ) ของบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน)

หุ้น ABC เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในปีที่ผ่านมา (2014) แค่ระยะเวลา 1 หากเข้าซื้อตอนต้นปีและขายออกตอนปลายปี ผลตอบแทนที่ได้สูงถึง 2888% หรือ 28 เท่า! ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีหุ้นพุ่งจากราคา 2 บาทกว่าๆไปถึงจุดสูงสุดที่ 80 กว่าบาทคิดเล่นๆว่า


ถ้าซื้อไว้ซัก 100 ตัว (ใช้เงินแค่ 300 บาท)และขายตอนที่ราคา 80 จะได้เงินถึง 8,000 บาท

ถ้าซื้อไว้ซัก 1,000 ตัว (ใช้เงินแค่ 3,000 บาท) และขายตอนที่ราคา 80 จะได้เงินถึง 80,000 บาท

ถ้าซื้อไว้ซัก 10,000 ตัว (ใช้เงินแค่ 30,000 บาท)และขายตอนที่ราคา 80 จะได้เงินถึง 800,000 บาท


นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องสมมุติและพึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว (2014) ฟังดูเริ่มน่าสนใจขึ้นมาหรือยัง

สิ่งที่ยากสุดของการเล่นหุ้นปั่น (ไม่นับกรณีขาลงนะ) คือถ้าหุ้นขึ้นแล้วเราจะทนถือไหวไหมถ้าขึ้นมาซัก 30-50% คนส่วนใหญ่ก็ทนรวยไม่ไหวรีบขายไปเสียแล้ว การจะทนถือไปยาวๆถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆอย่างไรก็ตามเพียงแค่ 30% ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว รู้ไหมว่านักลงทุนสาย VI เกือบ 90% ตั้งเป้าหมายกำไรต่อปีไว้เพียงแค่ 15-20% ต่อปีเท่านั้นแต่สำหรับหุ้นปั่นแล้ว 15-20% ใช้เวลาวันเดียวก็เหลือเฟือแล้วครับ

หมายเหตุเหรียญมี 2 ด้านนะครับ ให้ลองอ่านบทความด้านบนแล้วมองกลับด้านดูครับ เงิน 80,000 บาท สามารถเหลือเพียง 3,000 บาทได้เช่นกัน ถ้าคิดเล่นหุ้นปั่นต้องรับตรงนี้ได้ซึ่งเป็นไปตามกฏ High Risk High Return ครับ
Read More

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

เจาะลึกเจ้าสัว ธนินท์ กับหุ้น CP (แชร์)

สวัสดีครับบทความนี้แชร์มาจากเฟซบุคของคุณ เหนือเมฆ เพจสี แห่งกาลเวลา เนื่องจากทางเจ้าของบทความเขียนไว้น่าสนใจมากเลยขออนุญาติ Copy ลงมาแป่งปันกันครับ

และนี่คือบทความจากต้นฉบับทั้งหมดครับ

_________________________________________________________________________________




คนมีหุ้นcp ควรอ่าน

ถ้าเราพูดถึงนักธุรกิจในเลเวลระดับโลก ก็คงต้องพูดกันถึงพวก บิล เกต ,สตีฟ จ็อบส์(ตายแล้ว) ,มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ,บัฟเฟต

แต่ในสายตาของผมแล้ว เท่าที่ผมศึกษาแนวคิดและวิธีทำธุรกิจของนักธุรกิจดังๆระดับโลกมา ร่วม50คน ผมคิดว่า เจ้าสัวธนิน ซีพี นี่แหละ เบอร์1ของโลกตัวจริง

จากกระทู้แนะนำเรื่องข้าวกล่องเซเว่น ที่หลายคนพูดกันว่า ราคามันลงมาแข่งกับข้าวแกงข้างถนนได้แล้ว
ผมจะบอกว่าเรื่องนี้ เจ้าสัวเคยพูดไว้นานแล้วครับหลายปีแล้ว และมาพูดอีกครั้งเมื่อเดือนเมษา57ที่ผ่านมา

ถ้าขี้เกียจอ่าน ผมสรุปให้ฟังง่ายๆ เจ้าสัวบอกว่า ถึงจุดนึง ป้าที่หาบเร่ขายแกงเขียวหวาน ต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบมาทำแกงเขียวหวานขาย จะแพงกว่าซื้อแกงเขียวหวานจากซีพี

ธนิน อ่านเกมขาดมานานแล้วครับ ว่าถึงจุดนึงร้านข้าวแกงทั่วประเทศจะไม่สามารถแข่งขันกับซีพีได้ เพราะซีพีคุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ข้าวกล่องแช่แข็งเจ้าแรกๆของไทยคือ เอสแอนด์พี ขายกล่องละ70กว่าบาท ใช้เวลาเวฟ7-8นาที
แต่ธนิน เข้ามาทำข้าวกล่อง แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็ฆ่าเอสแอนด์พีตายในดาบแรกแล้ว เพราะเจ้าสัวให้ทีมงานคิดนวัตกรรมกล่องใส่ข้าวที่ใช้เวลาเวฟเหลือ แค่3นาที และทำราคาถูกลงมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้เหลือแค่ 30บาท

ข้าวกล่องเอสแอนพี และ ข้าวแกงข้างทาง มันมีจุดอ่อนคือ รสชาติไม่นิ่ง
แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม อาหารของเซเว่น รสชาติมันนิ่งมาก มันเลยจุดที่มาพูดเรื่องการตวงน้ำปลาแล้วครับ
ธนิน ซื้อนวัตกรรมจากยุโรป ที่ทำให้วัตถุดิบมีรสชาติคงที่

เรื่องข้าวกล่องผมพักแค่นี้ก่อน ถ้าให้ผมเขียนเล่าความเป็นมา เขียนได้เป็นสิบหน้าครับ

กลับมาเรื่องที่ว่าทำไมผมถึงคิดว่า ธนิน คือ นักธุรกิจที่เก่งที่สุดอันดับ1ของโลก

เพราะ วันนี้เครือซีพี ผูกขาดครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ ต้นน้ำอย่างเจียไต๋ที่คุมตั้งแต่การปลูกเมล็ดถั่ว ไปจนถึงการผลิตและแปรรูปโดยซีพี จบด้วย2ช่องทางจำหน่าย อย่าง แมคโคร และ เซเว่น

มาพูดถึงการซื้อแมคโคร มีคนถามเจ้าสัวว่าซื้อแมคโครราคานี้ คุ้มรึ ???
เจ้าสัวธนิน ตอบว่า แค่เอาราคาประเมินที่ดินของแมคโครทุกสาขารวมกัน เขาก็คุ้มแล้ว

3ปีก่อน ธนิน ผลักดันโมเดล ร้านขายยา เข้าสู่เซเว่น บนแนวคิดที่ว่าเซเว่นทุกสาขา จะมีร้านขายยาข้างในด้วย แต่มาติดตรงเรื่องที่ไม่มีเภสัชกร เพราะยาจะให้พนักงานเซเว่นมาขายไม่ได้ แต่...วันนี้ธนิน ผลักดันกฏหมายขายยาสำเร็จแล้ว ต่อไปร้านขายยาไม่ต้องขายโดยเภสัชกร
ใครได้ประโยชน์ที่สุด คิดเอาเองง่ายๆ ต่อไปเซเว่นทุกสาขาจะมียาขายแบบร้านขายยา และร้านขายยาจะตายหมด สเต็ปต่อไป ซีพีจะผลิตยาแบบ เฮ้าท์แบรนด์ ผลิตเองขายเอง

ธนิน จะก้าวเข้ามาคุมอีก1ใน4 ของปัจจัย4ของมนุษย์ อาหาร เขาคุมหมดแล้ว ต่อไปคือ ยารักษาโรค

ธนาคารก็ไม่รอดครับ คนไทยทุกคนต้องทำธุรกรรมกับธนาคาร มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเซเว่นมีธนาคาร !!!!

เรื่องนี้ผมขออุบเอาไว้ก่อน แต่คุณเซฟกระทู้ผมไว้ได้เลย ภายใน5ปีนับจากนี้ เซเว่นทุกสาขาจะมีเค้าเตอร์ให้คุณฝากเงิน ถอนเงิน
และหนึ่งในแบงก์ปัจจุบัน กำลังถูกเจ้าสัวจะเทคโอเวอร์อยู่ เพื่อเข้าสู่โมเดลให้เซเว่น กลายเป็นธนาคารด้วย ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เจ้าสัวถอดตู้atmของธนาคารอื่น แล้วเอาตู้ของตัวเองเข้าไป แค่นี้ก็สบายแล้วครับ ตอนนี้ธนินกับดำเนินการเรื่องนี้อยู่

พวก ลอว์สัน , แฟมิลี่มาร์ท ,แม็กแวลู พวกนี้ไม่ใช่คู่แข่งครับ ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยครับ

ผมยังไม่ต้องพูดถึงกิจการอื่นๆในเครือ อย่าง ทรูมูฟ หรือ รถยนต์เอ็มจี นะครับ

กลับมาต่อในเรื่องที่ว่า ทำไมธนิน เหนือกว่านักธุรกิจระดับโลกคนอื่นๆ

นั่นคือเรื่องของความยั่งยืนไงครับ

คุณคิดว่าระหว่างบริษัทอย่าง แอปเปิ้ล กับ เครือซีพี ใครจะยืนยาวกว่ากัน
หรือ เฟสบุ๊ค กับ เครือซีพี ใครจะม้วนเสื่อไปก่อนกัน

ผมมั่นใจว่าเครือซีพีจะยืนยาวกว่า เพราะ เขาไม่ได้เล่นอยู่บนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และเกิดผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แต่เขาอยู่บนกิจการที่ผูกขาดเบ็ดเสร็จ คุมทั้งระบบ คู่แข่งแทบจะโงหัวขึ้นมาไม่ได้

ในขณะที่เฟสบุ๊ค มันเป็นกิจการที่อยู่บนเทรนด์ และ ผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เมือไรที่เทรนด์ของมนุษย์เปลี่ยน เฟสบุ๊คจะจบทันที
ในขณะที่แอปเปิ้ล ใครมองว่าแกร่ง ผมกลับมองว่ามันอยู่ได้เพราะสตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยระบบ หลังจากจ็อบส์ตาย บริษัทก็ไม่มีอะไรใหม่
ไม่เคยมีของใหม่อีกเลย มีแค่เอาของเก่ามาเพิ่มสเปคลดขนาด ลดน้ำหนัก มันอยู่ในวงจรที่ไม่ไปไหนแล้ว ในขณะที่จ็อบส์จะสร้างสิ่งใหม่ออกมา

และจ็อบส์สู้ธนินไม่ได้ เพราะเมื่อเขาตาย บริษัทก็ลดความสามารถลงไปเกินครึ่ง
ในขณะที่ธนิน สร้างระบบผูกขาด คุมการบริโภคเบ็ดเสร็จ ถ้าเขาตาย กิจการมันก็ไปต่อได้แบบไม่ต
ผู้บริหารที่สุดยอดต้องแบบนี้ครับ

ธนิน ยังคงถือครองที่ดินมากเป็นอันดับ2ของประเทศ ซึ่งถ้าฟอร์บประเมินราคาขายที่ดินที่เป็นราคาแท้จริงของตลาด
พอร์ตที่ดิน3แสนกว่าไร่ของธนิน มันจะเป็นตัวเลขเท่าไร อันดับในฟอร์บจะขึ้นไปอยู่สูงกว่านี้อีกเยอะ

ผมรู้สึกทึ่งในการทำธุรกิจของเครือซีพีมากๆ ก้าวแต่ละก้าวของเจ้าสัว ล้วนเหนือเมฆทั้งนั้น
เท่าที่ผมศึกษามา แทบจะไม่มีกิจการไหนในโลกที่โยงใยเป็นเครือข่ายและผูกขาดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเบ็ดเสร็จแบบนี้เลย
แม้แต่ บริษัทอย่างแอปเปิ้ล จะผลิตไอโฟนสักเครื่อง ก็ยังไม่สามารถผลิตได้ทุกชิ้น หน้าจอยังต้องจ้างซัมซุงผลิตให้ และล่าสุดก็ทะเลาะกันแล้ว

แต่เครือซีพี ครอบคลุมปัจจัยการบริโภค ซึ่งเป็น1ใน4ปัจจัยของมนุษย์ วันนี้คุณอาจจะยังเห็นภาพไม่ชัด แต่อีก10ปี คุณจะเห็นเลยว่าคนไทยทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่สามารถรอดพ้นจากการเป็นลูกค้าในเครือซีพีไปได้เลย

และอีก1ปัจจัย คือ ยารักษาโรค กำลังจะถูกยึดแบบเบ็ดเสร็จแล้ว สิ่งไหนที่เจ้าสัวทำไม่เป็น เขาก็จะเทคโอเวอร์ เมื่อเขาคุมช่องทางจำหน่ายยาได้หมด
ต่อไปก็จะผลิตเอง และ รวมถึงการเทคโอเวอร์บริษัทผลิตยาขนาดกลาง

ปัจจัยที่5 อย่างการสื่อสาร ซีพียังคุมได้ไม่หมด เพราะ เจ้าตลาดอย่างเอไอเอสแข็งแกร่งมาก แต่ทรู ก็ถือเป็น1ใน3 ยักษ์ใหญ่ของประเทศ

หลังจาก เรื่องยา และ แบงก์ แล้ว ผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเจ้าสัวจะเดินไปทางไหนต่อ แต่เป็นเรื่องที่น่าติดตามทั้งสิ้น และก้าวเดินนั้นต้องสามารถคุมระบบใดระบบหนึ่งในชีวิตของเราได้

ผมขอปิดท้ายด้วย คำพูดของป้าเช็ง ที่บอกว่า ในอนาคต จะเหลือแค่2สิ่งสุดท้ายที่ซีพี ไม่ทำ คือ
1.ขายโรงศพ
2.ไปขอทานบนสะพานลอย

แต่ผมว่าไม่แน่นะ ธุรกิจจัดงานศพแบบครบวงจร ตั้งแต่ปลูกไม้ผลิตโรง ,ปลูกดอกไม้จัดพวงหรีด , รวมถึงผลิตเทียน
ในเมื่อคนตายทุกวัน และคนก็ต้องตาย เหตุใดซีพี จึงจะไม่สนใจ

แต่อย่าไปเดาความคิดเจ้าสัวธนินเลยครับ ถ้าระดับเขา เราเดาได้ง่ายๆ ก็ไม่ใช่ธนินแล้วครับ

เผลอๆอาจคิดยาอมตะ กินแล้วไม่ตายออกมาขายก็ได้ฮ่าๆๆ

คนอ่านประมาณ 90% เข้ามาด่าเจ้าสัวกัน

แต่นี่แหละคือความสุดยอดของเจ้าสัวที่ทำให้เหนือกว่านักธุรกิจคนอื่นๆ มันยิ่งพิสูจน์ความคิดของผมว่าถูกต้องแค่ไหน

ถ้าคุณเกลียด มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก คุณไม่ต้องเล่นเฟสบุ๊คก็ได้
ถ้าคุณเกลียดจ็อบส์ คุณก็ไม่ต้องเป็นลูกค้าแอปเปิ้ลได้

แต่ถ้าคุณเกลียดธนิน คุณไม่มีทางหลุดพ้นเงื้อมมือของเครือซีพี

ผมรับประกันว่าคุณหนีไม่พ้นครับ ถึงคุณไม่ใช่ลูกค้าทางตรง ก็ต้องเป็นลูกค้าทางอ้อม

คุณบอกว่าคุณไม่กินข้าวเซเว่น คุณกินข้าวแกงข้างทาง รู้ไหมครับว่ามาร์เก็ตแชร์ข้าวสาร35%ในตลาดคือข้าวตราฉัตรของซีพี
หมู ไก่ กุ้ง ซีพีเป็นเบอร์1ในตลาดครับ ยังไงคุณก็ต้องบริโภคสินค้าของซีพี คุณบอกว่าฉันเป็นมังสวิรัตกินแต่ผัก แต่ผักที่คุณกินปลูกจากเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋

ปลาทับทิม ทุกตัวในประเทศไทย ซีพีเป็นคนพัฒนาสายพันธุ์มาจากปลาเวียดนาม คุณหนีไม่พ้นครับ

เมื่อคุณใช้โทรศัพท์ ถ้าคุณใช้ทรู คุณคือลูกค้าซีพี
และหลายๆคนนั่งพิมพ์ด่าเจ้าสัว ผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตที่ชื่อทรู วันนี้ทรูมีส่วนแบ่งตลาดด้านอินเตอร์เน็ตบ้านเยอะสุดในตลาดครับ แซงทีโอทีแล้วครับ

คุณหนีไม่พ้นครับ

ในโลกยังไม่เคยมีนักธุรกิจคนไหนที่สามารถครอบงำระบบทั้งระบบในชีวิตมนุษย์ได้ขนาดนี้
แล้วถ้านี่ไม่ใช่เบอร์1ของโลก แล้วจะเป็นใครครับ

อีกประเด็นคือ ข้าวเซเว่น 30บาท VS ข้าวแกงข้างทาง 30-35 บาท

ผมไม่ได้เข้าข้างซีพีนะครับ แต่ผมเห็นหลายคนพูดแต่เรื่องปริมาณ บอกว่าข้าวแกงข้างทางได้เยอะกว่า ข้าวเซเว่นได้น้อย สรุป ข้าวเซเว่นแพ้

ผมมองต่างครับ ผมมองในเรื่องคุณภาพ

ยกตัวอย่าง ข้าวกระเพราะหมูสับแล้วกัน

ข้าวเซเว่น คุณได้ข้าวหอมมะลิ ที่เม็ดสวยกว่า นุ่มกว่า คุณได้หมูที่เนื้อๆแทบไม่มีมัน รสชาตินิ่ง เหมือนกันทุกกล่อง

ในขณะที่ข้าวกระเพราะข้างทาง หรือในตลาดสด คุณจะได้ข้าวชนิดที่เรียกว่า10% ส่วนมากทีแต่เม็ดหักๆ บวมๆ หยาบกระด้าง หมูก็มีมันปนมาเยอะมาก บางเจ้าใส่ถั่วฝักยาวมาเอาเปรียบอีก แถมรสชาติแต่ละวันก็ไม่นิ่ง

ผมแค่มองในมุมต่างครับ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภค

วันนี้อาจไม่เห็นภาพชัด แต่วันใดที่ข้าวกระเพราข้างทางราคา50บาท และข้าวเซเว่น 30-35
ส่วนต่างถึง 15-20 บาท ถูกกว่าแถมคุณภาพดีกว่า วันนั้นจะเห็นอะไรมากกว่านี้ครับ
Read More

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

แบ่งไม้ซื้อและถัวเฉลี่ย รู้ไว้ไม่ติดดอย



            บทความนี้จะอธิบายเทคนิคที่เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับลดความเสี่ยงและลดการขาดทุนหนักได้เป็นอย่างดีนั่นคือการ ซื้อแบ่งไม้ และ ถัวเฉลี่ย


1.ซื้อแบบแบ่งไม้ แบ่งเงินซื้อทีละส่วน เช่นมีเงิน 20000 อยากซื้อหุ้น CPF ราคา 25 บาทดูราคาแล้วน่าซื้อแต่ไม่แน่ใจมันจะลงอีกหรือเปล่าก็ใช้วิธีแบ่งไม้ได้เช่นแบ่งเป็น 2 ไม้ไม้ละ 10000 แล้วค่อยซื้อ

ราคา 25 บาทซื้อ 1 ไม้ 10000 บาท = ได้หุ้นมา 400 ตัว

(สมมุติต่อไปราคาลงเป็น 20 บาท) ตัดสินใจซื้ออีก 1 ไม้

ราคา 20 บาทซื้ออีก 1 ไม้ 10000 บาท = ได้หุ้นมา 500 ตัว

จะเห็นได้ว่าการแบ่งซื้อ 2 ไม้ เสียเงิน 20000 บาท ได้ หุ้นมาถึง 400+500 = 900 ตัวแต่ถ้าตอนแรกซื้อหมดเงินในทีเดียวเสียเงิน 20000 เท่ากัน ณ ราคา 25 บาทจะได้หุ้นแค่ 800 ตัวเท่านั้น  สรุปว่าการแบ่งไม้เหมาะสำหรับการบริหารความเสี่ยงหากยังไม่แน่ใจในความนิ่งของราคาหุ้นสามารถแบ่งไม้เข้าไปแล้วรอดูท่าทีได้ (จำนวนไม้แล้วแต่เราจะแบ่งเองเลยครับ 1 ไม้ 5 ไม้ 10 ไม้ ตามแต่ชอบ)

2.ถัวเฉลี่ย โดยส่วนใหญ่ถัวเฉลี่ยจะใช้เมื่อหุ้นที่เราซื้อไว้ราคาลงใช้ซื้อเพื่อลดต้นทุน คราวนี้เรามาดูในสถาณการณ์เดียวกันมีเงิน 20000 ซื้อหุ้น CPF ที่ราคา 25 บาท

ราคา 25 บาทซื้อหมดตัว 20000 บาท = ได้หุ้นมา 800 ตัว 
(สรุปว่า ณ ตอนนี้เรามีต้นทุนหุ้น CPF อยู่ที่ 25 บาท)

ต่อมาเกิดวิกฤตการณ์มีโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นในไก่ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ CPF ทำให้หุ้นราคาลงถึง 15 บาท เมื่อราคาหุ้นเหลือ 15 บาทแต่เรามีต้นทุนที่ 25 บาทในพอร์ตหุ้นของเราก็จะโชว์ว่าพอร์ตเราติดลบถึง -40% สำหรับนักลงทุนหลายๆคนก็เลือกที่จะใช้วิธีถัวเฉลี่ยเพื่อลดต้นทุนของตัวเองโดยควักเงินอีก 20000 เพื่อซื้อหุ้น CPF เพิ่มในราคา 15 บาท

ราคา 15 บาทควักเงินซื้อ 20000 บาท = ได้หุ้นมา 1333 ตัว

เมื่อลองมาคำนวนต้นทุนใหม่ของเราดูสรุปว่าเรามีหุ้นทั้งหมด 800+1333 = 2133 ตัว

ในขณะที่เราใช้เงินไป 20000+20000 = 40000 บาท

จับหารกันจะได้ต้นทุนใหม่ของเรา 40000/2133 = 18.75 บาท

ดังนั้นเทียบกับประโยคด้านบน เมื่อราคาหุ้นเหลือ 15 บาทแต่เรามีต้นทุนที่ 18.75 บาทในพอร์ตหุ้นของเราก็โชว์ว่าพอร์ตเราติดลบลดลงเหลือเพียงแค่ติดลบ -20% เท่านั้น สรุปว่าการถัวเฉลี่ยทำให้พอร์ตของเราขาดทุนลดลงแลกกับการที่ต้องเพิ่มเงินลงไปในพอร์ตนั่นเอง
Read More

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

Click 2 Win โปรแกรมเทรดหุ้นจำลอง



            บทความนี้จะมาแนะนำโปรแกรมที่เหมาะกับ มือใหม่หัดเล่นหุ้น เป็นอย่างมากเลยนะครับนั่นก็คือโปรแกรม Click 2 Win หรือก็คือ กระดานหุ้นจำลอง นั่นเองถึงจะบอกว่าจำลองแต่ทุกอย่างรันตามของจริงหมดนะครับไม่ว่าจะเป็น เวลา เปิด-ปิด จำนวนหุ้นทีมีให้ซื้อขาย ราคาหุ้น การขึ้นลงราคาของหุ้นเหมือนของจริงทุกประการ

           โปรแกรมนี้ถือเป็นสนามทดสอบอย่างดีสำหรับมือใหม่ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ กับของจริงสามารถใช้โปรแกรมนี้ฝึกฝีมือได้เลยโดยมีสิ่งที่ควรรรู้สำหรับโปรแกรมดังนี้

  1. Click 2 Win จะเทรดหุ้นผ่านโปรแกรม Streaming Pro หน้าตาเหมือนของจริงเป๊ะๆ
  2. ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นลงตามตลาดจริง
  3. เริ่มเล่นโปรแกรมจะให้เงินใช้เล่นฟรีจำนวน 5,000,000 บาท
  4. โปรแกรมนี้จะรีเซ็ตทุก 3 เดือนและเริ่มเล่นใหม่ทุกวันที่ 1 เมษายน,กรกฏาคม,ตุลาคม และ มกราคม
  5. ทางเวปจะมีการจัดลำดับและมีมอบของรางวัลให้แก่ผู้ได้อันดับสูงสุดของแต่ละรอบด้วย
         เรียกได้ว่านอกจากจะใช้ฝึกปรือฝีมือแล้วหากทำอันดับดีๆ ก็ยังได้ลุ้นของรางวัลอีกด้วยฟังดูน่าสนใจมากๆ ถ้าอยากลองเล่นแล้วก็มาดูวิธีกันได้เลย

      1. เข้าไปที่เวปไซต์หลักของ Click 2 Win หรือกด ที่นี่

      2. เมื่อเข้าไปแล้วจะเจอภาพดังด้านล่างให้กดสมัครบริการและทำตามขั้นตอน 1-4

     3. เมื่อทำขั้นตอนที่ 2 ครบแล้วก็จะได้ Username และ Password มาก็ให้นำไปเข้าสู่ระบบได้ดังภาพ


   4. เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วจะปรากฏหน้าจอดังภาพให้เลือดแถบเมนู Streaming Pro



  5. จากนั้นก็จะปรากฏหน้าจอ Streaming Pro พร้อมเงิน 5,000,000 จากนั้นก็เริ่มซื้อขายหุ้นกันได้เลย


       ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับการแนะนำวิธีการเข้าเล่นหุ้นจำลองในโปรแกรม Click2Win สำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้นทุกคนถ้าทำตามขั้นตอนของผมมาก็จะสามารถเข้า Streaming Pro จำลอง กันได้แล้วนะครับ และสำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้นหลายๆคนเจอหน้านี้ Streaming Pro เป็นครั้งแรกเข้าไปก็คงจะมึนงงกันแน่ๆ ถ้าใครมีอาการนี้ขอแนะนำไปยังบทความนี้เลยครับ สอนเล่นหุ้นออนไลน์ (2) สอนใช้ Streaming Pro
Read More

คำศัพท์ภาษาหุ้นที่ควรรู้



            บทความนี้จะอธิบายคำศัพท์ ภาษา ในวงหุ้นกันนะครับซึ่งศัพท์ที่เหล่านี้จะไม่ใช่คำศัพท์พวกทางการแต่จะเป็นคำย่อ คำเรียกตลกๆ คำที่นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่แต่งขึ้นมาเองและพูดคุยกันในกลุ่มส่วนใหญ่จะพบในห้องสินธร ซึ่งรู้ไว้จะได้ไม่งงเวลาเค้าพูดกันครับ

1. ปอบ = เป็นคำย่อจาก Proprietry trader คือเทรดเดอร์ของบริษัทหลักทรัพย์
2. ติดดอย คือการที่ซื้อหุ้นแล้วหุ้นลงเอาลงเอา ยิ่งลงหนักยิ่งดอยสูง
3. ลาก คือการที่เจ้าไล่ซื้อดันราคาให้สูง
4. ทุบ ตรงกันข้ามกับลาก คือการที่เจ้าไล่ขายจนราคาล่วง
5. ฟลอ คือการที่หุ้นวิ่งขึ้นไปสูงสุดของวัน (30%)
6. ลิ่ง คือการที่หุ้นล่วงลงมาจุดต่ำสุดของวัน (30%)
7. ขายหมู คือการที่ได้กำไรจากหุ้นส่วนหนึ่งแล้วขายออกไปโดยที่หุ้นยังคงราคาขึ้นต่อไปอีก
8. ตกรถ คือการที่หุ้นตัวหนึ่งถึงรอบราคาขึ้นแล้วแต่เราเข้าไปซื้อไม่ทันรู้ตัวก็วิ่งไปแล้ว
9. เด้ง คำนี้หมายความได้ 2 แบบคือถ้าหุ้นเด้งหมายความว่าหุ้นที่ลงๆ อยู่มันเด้งกลับขึ้นมา หรือ 1เด้ง 2เด้ง คือหุ้นราคาขึ้นมา 1 เท่า,2 เท่า จากตอนที่เราซื้อ
10. หรั่ง หมายถึงนักลงทุนชาวต่างชาติ
11. ปู่ หมายถึง SET
12. ปอด หมายถึง พอร์ตหุ้น
13. เม่า คือนักลงทุนรายย่อย
14. ลำไย = กำไร
15. แถมให้คำสุดท้ายที่นักลงทุนทุกคนต้องเคยนึกเคยพูดเคยสบถออกมาแน่ๆคือ "รู้งี้"
Read More

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

มือใหม่หัดเล่นหุ้นเปิดบัญชีแบบไหนดี



           บทความนี้จะมาดูกันว่าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แบบไหนกันที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้น ดังนั้นเราต้องมารู้จักแค่ละประเภทกันก่อนซึ่งโดยทั่วไป จะแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้

1. บัญชีเงินสด (Cash Account)
  • อธิบายง่ายๆ ว่าบัญชีนี้บริษัทหลักทรัพย์จะให้วงเงินเราโดยดูตามเครดิตของเราและเราสามารถซื้อหุ้นได้ในวงเงินที่กำหนดโดยมีการวางหลักประกันอยู่ที่ 15-20% ของวงเงินดังกล่าว

2. บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ***
  • อธิบายง่ายๆ ว่าบัญชี้นี้เราจะต้องนำเงินไปฝากกับบริษัทหลักทรัพย์ไว้ก่อนจากนั้นก็จะซื้อขายหุ้นได้ตามจำนวนเงินที่เราฝากไว้เท่านั้นเช่น เรานำเงิน 50,000 บาท ไปเปิดบัญชี Cash Balance ไว้ จากนั้นเราจะซื้อหุ้นอะไรก็จะหักจาก 50,000 บาทที่เราฝากไว้นั่นเอง

3. บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance)
  • อธิบายง่ายๆ ว่าเป็นการกู้ยืมเงินบริษัทลักทรัพย์มาซื้อขายหุ้นโดยจะมีเงือ่นไขมากมาเช่นการforce sell (บังคับขายหุ้นของเราเพื่อรักษาสภาพบัญชี) ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ครับ เป็นบัญชีที่เหมาะสำหรับคนเก๋าเกมเล่นหุ้นกันเป็นอาชีพก็ว่าได้

โดยสำหรับมือใหม่นั้นบัญชีในข้อที่ 2 บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) นั้นดูจะเหมาะที่สุดครับ (ซื้อตามจำนวนเงินที่เราฝากไว้ ไม่ต้องกู้ยืมไม่ต้องมีค้ำประกันมีเท่าไหร่ซื้อได้เท่านั้น)


Read More

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

จำนวนเงินขั้นต่ำในการเล่นหุ้น?



         มือใหม่หัดเล่นหุ้น หลายๆ คนคงจะมีข้อสงสัยในคำถามนี้กันทุกคนแน่ๆ ว่าเอ๊ะอยากจะลองเล่นหุ้นต้องมีเงินขั้นต่ำเท่าไหร่กันนะวันนี้เราจะมาไขความสงสัยกันครับ

ทำความเข้าใจกันก่อน

            ก่อนจะได้คำตอบคุณผู้อ่านต้องเข้าใจในส่วนนี้ก่อนครับเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน โดยการจะเล่นหุ้นนั้น "ขั้นตอนแรกสุด" คุณจะต้องทำการเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ซะก่อน ศึกษาเรื่องเปิดบัญชีได้ที่ มือใหม่หัดเล่นหุ้น : มือใหม่เปิดบัญชีแบบไหนดี ดังนั้นจะแยกคำตอบได้ออกเป็น 2 คำตอบดังนี้ครับ

1.คุณยังไม่เคยเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลย

           หากคุณยังไม่เคยเปิดบัญชีอะไรเลยเรียกได้ว่ามือใหม่หัดเล่นหุ้นสุดๆ แล้วอยากจะเล่นหุ้นก็จะต้องมีเงินซัก 1 ก้อนซึ่งโดยทั่วไปจำนวนขั้นต่ำในการเปิดบัญชี Cash Balance ขอยกตัวอย่างบัญชีนี้เพราะเหมาะกับมือใหม่ที่สุด ครับจะอยู่ที่ 5000 บาท (อาจแตกต่างกันตามแต่ละโบรกเกอร์) ดังนั้นถ้ามีเงินก้อนซัก 5000 ก็เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นได้แล้วครับ

2.คุณมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว

          หากคุณมีบัญชีแล้วอยากจะรู้ว่าซื้อหุ้นซักตัวต้องใช้เงินต่ำสุดเท่าไหร่ต้องบอกว่าไม่มีจำกัดจำนวนเงินครับ แต่จะมีจำกัดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์คือ 100 หุ้นต่อ 1 ครั้งครับ ดังนั้นหากหุ้นราคา 0.01 บาท ซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้นก็จะใช้จำนวนเงินในการซื้อแค่ 1 บาท เท่านั้นเอง

Read More

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

สอนเล่นหุ้นออนไลน์ (1) เปิดบัญชี



         สำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้นหลายๆคนที่อยากจะเริ่มต้นเล่นหุ้นออนไลน์แต่ความรู้เป็น 0 ไม่รู้เริ่มยังไง วันนี้มาถูกทางแล้วครับเราจะมาเริ่มก้าวไปทีละขั้นครับ โดยต้นที่บทความนี้ซึ่งถือเป็น ขั้นตอนแรกสุดของการเล่นหุ้น นั่นคือ เปิดบัญชีออนไลน์ ครับมีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นเปิดบัญชีออนไลน์โดยเลือกบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านต้องการซึ่งมีเยอะแยะเลยครับดูบริษัทหลักทรัพย์ที่มีทั้งหมดได้ ที่นี่ สำหรับบทความนี้จะขอยกตัวอย่างคือ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด


  • ขั้นตอนที่ 3 หลังจากเข้าไปแล้วจะเห็นหน้าจอดังภาพให้เลือกกดเปิดบัญชีครับ
หมายเหตุ : ในขั้นตอนที่ 2 และ 3 จะแตกต่างกันตามหน้าเวปของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์นะครับ แต่ก็ใช้อ้างอิงได้ครับง่ายๆคือเข้าหน้าเวปของบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านต้องการแล้วหาคำว่า "เปิดบัญชี"
              

  • ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนต่อไปนี้จะเหมือนกันทุกบริษัทหลักทรัพย์ครับ เมื่อกดเปิดบัญชีจะเจอหน้าต่างให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและส่งหลักฐานยืนยันเช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสมุดบัญชีเพื่อใช้ในการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ตามแต่ละบริษัทร้องขอ (ส่วนใหญ่ขั้นต่ำในการเปิดจะอยู่ที่ 5000 บาทครับ) ซึ่งในขั้นตอนนี้บริษัท หลักทรัพย์ ที่ดังๆหน่อยอย่างของกสิกรจะสามารถหลักฐานทั้งหมดผ่านทางออนไลน์ได้เลยโดยอัพโหลดรูปหลักฐานผ่านทางเวปไซต์ของเขาได้เลยครับ สบายๆ

  • ขั้นตอนที่ 5 รอผลการพิจารณา 3-7 วัน ถ้าผ่านแล้วคุณจะได้รับ Username และ Password สำหรับการเข้าโปรแกรม Streaming Pro เรียบร้อยครับโดยวิธีเข้าก็แตกต่างกันตามแต่ละบริษัทหลักทรัพย์แต่ไม่ต้องงงครับในขั้นตอนนี้ให้ลองดูเมลล์ที่คุณได้รับ Username/Password จะมีคำอธิบายวิธีเข้าใช้ Streaming Pro อย่างละเอียดเลยละครับ
_________________________________________________________________________________
และสำหรับบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยยังมีคลิปสอนการสมัครโดยละเอียดโดยดูได้ ที่นี่ ครับ

เมื่อสามารถเข้าใช้ Streaming Pro ได้เรียบร้อยแล้วก็ไปยังบทความต่อไปได้เลยครับ 
Read More

About Me

ติดต่อเรา

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

Popular Posts

Designed ByBlogger Templates