บทความนี้จะอธิบายเทคนิคที่เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นหุ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับลดความเสี่ยงและลดการขาดทุนหนักได้เป็นอย่างดีนั่นคือการ ซื้อแบ่งไม้ และ ถัวเฉลี่ย
1.ซื้อแบบแบ่งไม้ แบ่งเงินซื้อทีละส่วน เช่นมีเงิน 20000 อยากซื้อหุ้น CPF ราคา 25 บาทดูราคาแล้วน่าซื้อแต่ไม่แน่ใจมันจะลงอีกหรือเปล่าก็ใช้วิธีแบ่งไม้ได้เช่นแบ่งเป็น 2 ไม้ไม้ละ 10000 แล้วค่อยซื้อ
ราคา 25 บาทซื้อ 1 ไม้ 10000 บาท = ได้หุ้นมา 400 ตัว
(สมมุติต่อไปราคาลงเป็น 20 บาท) ตัดสินใจซื้ออีก 1 ไม้
ราคา 20 บาทซื้ออีก 1 ไม้ 10000 บาท = ได้หุ้นมา 500 ตัว
จะเห็นได้ว่าการแบ่งซื้อ 2 ไม้ เสียเงิน 20000 บาท ได้ หุ้นมาถึง 400+500 = 900 ตัวแต่ถ้าตอนแรกซื้อหมดเงินในทีเดียวเสียเงิน 20000 เท่ากัน ณ ราคา 25 บาทจะได้หุ้นแค่ 800 ตัวเท่านั้น สรุปว่าการแบ่งไม้เหมาะสำหรับการบริหารความเสี่ยงหากยังไม่แน่ใจในความนิ่งของราคาหุ้นสามารถแบ่งไม้เข้าไปแล้วรอดูท่าทีได้ (จำนวนไม้แล้วแต่เราจะแบ่งเองเลยครับ 1 ไม้ 5 ไม้ 10 ไม้ ตามแต่ชอบ)
2.ถัวเฉลี่ย โดยส่วนใหญ่ถัวเฉลี่ยจะใช้เมื่อหุ้นที่เราซื้อไว้ราคาลงใช้ซื้อเพื่อลดต้นทุน คราวนี้เรามาดูในสถาณการณ์เดียวกันมีเงิน 20000 ซื้อหุ้น CPF ที่ราคา 25 บาท
ราคา 25 บาทซื้อหมดตัว 20000 บาท = ได้หุ้นมา 800 ตัว
(สรุปว่า ณ ตอนนี้เรามีต้นทุนหุ้น CPF อยู่ที่ 25 บาท)
ต่อมาเกิดวิกฤตการณ์มีโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นในไก่ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ CPF ทำให้หุ้นราคาลงถึง 15 บาท เมื่อราคาหุ้นเหลือ 15 บาทแต่เรามีต้นทุนที่ 25 บาทในพอร์ตหุ้นของเราก็จะโชว์ว่าพอร์ตเราติดลบถึง -40% สำหรับนักลงทุนหลายๆคนก็เลือกที่จะใช้วิธีถัวเฉลี่ยเพื่อลดต้นทุนของตัวเองโดยควักเงินอีก 20000 เพื่อซื้อหุ้น CPF เพิ่มในราคา 15 บาท
ราคา 15 บาทควักเงินซื้อ 20000 บาท = ได้หุ้นมา 1333 ตัว
เมื่อลองมาคำนวนต้นทุนใหม่ของเราดูสรุปว่าเรามีหุ้นทั้งหมด 800+1333 = 2133 ตัว
ในขณะที่เราใช้เงินไป 20000+20000 = 40000 บาท
จับหารกันจะได้ต้นทุนใหม่ของเรา 40000/2133 = 18.75 บาท
ดังนั้นเทียบกับประโยคด้านบน เมื่อราคาหุ้นเหลือ 15 บาทแต่เรามีต้นทุนที่ 18.75 บาทในพอร์ตหุ้นของเราก็โชว์ว่าพอร์ตเราติดลบลดลงเหลือเพียงแค่ติดลบ -20% เท่านั้น สรุปว่าการถัวเฉลี่ยทำให้พอร์ตของเราขาดทุนลดลงแลกกับการที่ต้องเพิ่มเงินลงไปในพอร์ตนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น